วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556

ปัญหาโรคเอดส์

ปัญหาโรคเอดส์...ปัญหาสังคม...ที่ต้องช่วยกันป้องกัน


โรคเอดส์....จะไม่ใช่ปัญหาสังคม....ถ้าทุกคนร่วมมือกัน...ป้องกัน
   
      
                    โรคเอดส์ที่ใครๆว่าน่ารังเกียจ แต่ไม่น่ารังเกียจอย่างที่คิดเป็นโรคที่รักษาไม่หายเราควรที่จะให้กำลังใจพวกเขาเหล่านั้นให้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ที่เหลืออยู่น้อยนิดต่อไปดีกว่า
                   เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ คามิลเลียน โซเซียล เซ็นเตอร์ ที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์โรคเอดส์ที่ให้ที่พักพิงแก่ผู้ที่เป็นโรคนี้ ซึ่งก็มีวิทยากรคือบาทหลวงโจวันนี ได้ให้ความรู้เกียวกับโรคเอดส์คืออะไร สาเหตุของโรคคืออะไร ซึ่งทำให้ข้าพเจ้านั้นเปลี่ยนทัศนคติต่อโรคเอดส์นี้ว่าไม่เป็นที่น่ารังเกียจอย่างที่คิดแต่เป็นโรคที่พวกเราคนปกติทั้งหลายควรให้กำลังใจให้พวกเขาเหล่านั้นให้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุขเพราะผู้ที่ติดโรคส่วนใหญ่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากคู่นอน บ้างก็เป็นโรคนี้เพราะถูกกระทำรุนแรงทางเพศ ทำให้ข้าพเจ้าสงสารพวกเข้าเหล่านั้นเป็นอย่างมาก
เรามารู้จัก HIV และ AID กันเถอะ
HIV  มาจากคำเต็มว่า Human Immunodeficiency Virus ซึ่งหมายถึง เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเข้าไปทำลายภูมิคุ้มกันของมนุษย์
H = Human หมายถึง คน หรือ มนุษย์
I = Immunodeficiency หมายถึง ภูมิต้านทานโรคบกพร่องหรือเสียไป
V = Virus หมายถึง เชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากจนเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆได้ ถ้าเข้าไปในร่างกาย
          ซึ่งเมื่อHIVเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว   ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างการเสื่อมสภาพหรือบกพร่องลง  เป็นผลทำให้เป็นโรคติดเชื้อ หรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ อาการมักจะรุนแรง และเรื้อรังและเสียชิวิตในที่สุด
           HIVเป็นไวรัสในกลุ่ม Retrovirus สันนิษฐานว่าเป็นไวรัสที่มีการพัฒนาตัวเองมาจากไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเฉพาะในสัตว์เท่านั้นและไม่สามารถ ทำให้เกิดโรคในคนได้ แต่ต่อมามีการพัฒนาขึ้น และค่อยๆ ทำให้เกิดโรคในสัตว์ที่ใกล้เคียงกับคน เช่น ลิง โดยเฉพาะลิงเขียว ในทวีปแอฟริกา (หลังจากนั้นไวรัสเหล่านี้อาจติดมาในคน ในระยะแรกเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดมะเร็งของต่อมน้ำเหลืองในคน ต่อมาจึงเกิดเป็นโรคเอดส์ที่เป็นเฉพาะในคนเท่านั้น(Afarican green monkey)
       ส่วน AIDS มาจากคำเต็มว่า Acuquired immune Deficiency Syndrome หมายถึงกลุ่มอาการของโรคหรือภูมิคุ้มกันบกพร่องที่เกิดขึ้นภายหลัง
A = Acquired หมายถึง เกิดขึ้นภายหลัง ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด 
I = Immune หมายถึง ระบบภูมิต้านทานหรือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
D = Deficiency หมายถึง ความบกพร่อง การขาดไปหรือเสื่อม
S = Syndrome หมายถึง กลุ่มอาการหรือโรคที่มีอาการหลายๆอย่าง
สาเหตุ
          
       เกิดจากเชื้อ เอชไอวี ซึ่งเป็นไวรัสชนิดใหม่ เพิ่งมีการเพาะเลี้ยงแยกเชื้อได้
ในปี พ.ศ. 2526 เชื้อนี้ มีมากในเลือด น้ำเชื้ออสุจิ และน้ำเมือกในช่องคลอด
ของผู้ติดเชื้อ     จึงสามารถแพร่เชื้อได้โดย
1. ทางเพศสัมพันธ์ ทั้งต่างเพศและเพศเดียวกัน (ในชายรักร่วมเพศ,เกย์)
2ทางเลือด เช่น การได้รับการถ่ายเลือดการปลูกถ่ายอวัยวะที่มีเชื้อ,
    การแปดเปื้อนผลิตภัณฑ์ จากเลือดการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นต้น
    ส่วนการใช้ของมีคม (เช่นใบมีดโกน ที่ตัดเล็บ) ร่วมกับ ผู้ติดเชื้อ การสัก
    การเจาะหู อาจมีโอกาสแปดเปื้อนเลือดที่มีเชื้อได้ แต่จะมีโอกาสติดโรค
    ได้ ก็ต่อ เมื่อมีแผลเปิด และปริมาณเลือด หรือน้ำเหลืองที่เข้าไปใน
   ร่างกายมีจำนวนมากพอ
3. การติดต่อจากมารดาที่มีเชื้อสู่ทารก ตั้งแต่ระยะอยู่ในครรภ์ ระยะคลอด
    และระยะเลี้ยงดูหลัง คลอด โอกาสที่ทารกจะติดเชื้อจากมารดา ประมาณ
    20-50%
สถานการณ์ความรุนแรง 
          ในปัจจุบันสถานการณ์ความรุนแรงของโรคเอดส์นั้นได้ลดลงเนื่อจากการรักษาผู้ป่วยเอดส์ด้วยยาต้านไวรัสทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงทำให้มีผู้ป่วยเอดส์และผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ลดลง 
         โดยที่ผู้ป่วยโรคเอดส์ส่วนใหญ่ปัจจัยเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์สูงถึงร้อยละ 84 (83.88) เป็นชายที่อยู่ในวัย เจริญพันธุ์และวัยแรงงาน ร้อยละ 57.28เป็นชายรักต่างเพศ และร้อยละ 26.60 เป็นหญิงรักต่างเพศ รองลงมาเป็นผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดร้อยละ 4.67 กลุ่มที่ติดเชื้อจากมารดา พบร้อยละ 3.92 กลุ่มรับเลือดร้อยละ 0.03 กลุ่มที่ไม่ทราบปัจจัยเสี่ยง และอื่นๆ ร้อยละ 7.51ผู้ป่วยเอดส์ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ประมาณ ร้อยละ 70 มีการศึกษาน้อย มีรายได้ต่ำ ส่วนหนึ่งประกอบอาชีพการใช้แรงงาน/รับจ้างทั่วไป ลูกจ้างโรงงาน ขับรถรับจ้าง กรรมกร ร้อยละ 46.79 รองลงมาเป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ20.53 ผู้ที่ว่างงาน ร้อยละ 5.94 แม่บ้าน ร้อยละ 4.12 เด็กต่ำกว่าวัยเรียน 3.28ข้าราชการ (ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ และข้าราชการไม่ทราบสังกัด) ร้อยละ 3.05 ผู้ต้องขัง ร้อยละ 1.58 และอื่น ๆ ร้อยละ 14.71 ประชากรส่วนหนึ่งมีการเคลื่อนย้ายแรงงานภายในประเทศ ซึ่งยังไม่รวมกลุ่มผู้อพยพหรือผู้ใช้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศแบบถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย ในการประกอบอาชีพผู้ใช้แรงงานผลิต กรรมกรก่อสร้าง ขายบริการทางเพศ ประมง และอื่นฯลฯ ในบริเวณตามแนวจังหวัดชายแดน หรือจังหวัดที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การท่องเที่ยวสูง ซึ่งพบว่ามีอัตราการติดเชื้อเฉลี่ย ร้อยละ 0.75 ของประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ในด้านการแพร่ระบาดของเอชไอวีและเอดส์ในบางพื้นที่ของประเทศไทย มีเพียงบางจังหวัดที่มีการรายงานข้อมูล เช่น ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี ปัตตานี สระแก้ว ระนอง และแม่ฮ่องสอนซึ่งยังไม่รวมจังหวัดสำคัญ ๆ อีกหลายจังหวัด
การป้องกันและแก้ปัญหา
          ในการป้องกันแก้ไขกับปัญหานี้ ถึงแม้ว่าจะแก้ได้ไม่หมดไปเสียที่เดียวก็ตามแต่ว่าเรา ควรที่จะมีการรณรงค์เกี่ยวกับการป้องกันเอดส์ตามสถานที่ต่างๆ เช่น แหล่งสถานที่บันเทิงต่างๆหรือแม้กระทั่งโรงเรียน และมหาวิทยาลัยโดยป้องกันทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเพื่อป้องกันโรคและการรณรงค์ในการสร้างจิตสำนึกการไม่กระทำความรุนแรงต่อสตรีและเด็กเกิดเพราะสตรีและเด็กนั้นเป็นผู้ที่ต้องการให้ผู้ที่เข้มแข็งมาดูแลไม่ใช่ให้ผู้ที่เข้มแข็งมาทำลาย ซึ่งในปัจจุบันนั้นปัญหานี้เป็นปัญหาที่พบอยู่บ่อยครั้ง เช่น การถูกข่มขืนโดยที่ไม่ยินยอมจากฝ่ายหญิงทำให้ผลคือ เกิดโรคอันไม่พึงประสงค์(เอดส์)ตามมาสร้างความเสียหายและทุกข์ทรมารเป็นอย่างมาก
        ถึงแม้ว่าการรณรงค์จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหานี้ก็ตามแต่ถ้าหากทุกคนมัวแต่นิ่งนอนใจก้อนเนื้อร้ายที่เป็นปัญหาของสังคมก้อนนี้อาจลุกลามจนไม่สามารถแก้ไขได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นเราหันมาร่วมมือกันช่วยกันให้สังคมนี้อยู่ต่อไปอย่างมีความสุขและสงบสุขกันเถอะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น