หลักสำคัญในการป้องกันหรือช่วยเหลือ
วิธีการป้องกันและแก้ไขเด็กติดเกม ทำได้ด้วยการใช้วิธีการต่าง ๆ ประกอบกัน ดังนี้
1. รู้ความสนใจของลูกตลอดเวลา
พ่อแม่ควรสนใจติดตามพฤติกรรมของลูก ความสนใจกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงความสนใจเรื่องเกม
ส่วนใหญ่เด็กจะเริ่มอยากเล่นตั้งแต่อายุ 6 ปีเป็นต้นไป และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวัยรุ่นตอนปลาย ซึ่งเด็กยังขาดการควบคุมตนเอง เพื่อนมีอิทธิพลอย่างสูงที่จะเหนี่ยวนำให้สนใจ อยากรู้อยากเห็น อยากลอง เพื่อจะมีเรื่องสนุกสนานพูดคุยกัน
2. รู้จักเกมที่เด็กเล่น
เกมที่เด็กเล่นอาจมีหลายประเภท แตกต่างกันตามความสนใจ ความชอบความถนัด การพูดคุยเรื่องเกมกับลูกทำให้เข้าใจความชอบของเด็ก ถ้าได้เห็นตอนเด็กเล่นเกมจะสามารถแยกแยะประเภทของเกมได้ ดังนี้
3. รู้สาเหตุที่เด็กชอบ
4. รู้สาเหตุที่เด็กติดเกม (ผู้ปกครองควรเริ่มแก้ปํญหาจากจุดนี้)
1. เด็กขาดการควบคุมตนเอง
2. พ่อแม่ไม่สนใจพฤติกรรมลูก ไม่มีเวลากำกับให้เด็กทำตามกติกา
3. ปล่อยให้เด็กมีอิสรเสรีมากเกินไป
4. ไม่มีการตกลงกติกากันก่อน
5. พ่อแม่ไม่ได้ช่วยให้เด็กมีกิจกรรมที่ดี และเหมาะสมกับจิตใจของเด็ก
6. เด็กมีปัญหาทางอารมณ์ ใช้เกมช่วยให้อาการดีขึ้นชั่วคราว
7. สิ่งแวดล้อม/เพื่อน/ครอบครัว/ชุมชน
การค้นหาเด็กติดเกม
การค้นหาเด็กติดเกม ทำได้ด้วยการสังเกตพฤติกรรมเด็กที่บ้าน ที่โรงเรียน นอกบ้าน นอกโรงเรียน การสอบถามพฤติกรรมของผู้ใกล้ชิด
ลักษณะของการติดเกม
• ใช้เวลาเล่นเกม เกิน 2 ชม.ต่อวัน
• รบกวนหน้าที่ การเรียน ขาดทักษะสังคม ขาดความสัมพันธ์ในบ้าน และกับเพื่อนนอกบ้าน
• หมกมุ่นจริงจัง
• ขาดไม่ได้ จะมีอาการรุนแรง อารมณ์เสีย
• บุคลิกภาพผิดไปจากเดิม
• ใช้เงินมาก แอบทำ โกหก ขโมยเงินไปเล่น
แพทย์หญิงอัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ให้แนวทางแก้ไขไว้ว่า
หากเด็กติดเกมแล้วควรสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเด็กหาเวลาที่เด็กและผู้ปกครองมาคุยพร้อมกันโดยไม่แสดงท่าทีดุด่าว่าเด็กว่าไม่รับผิดชอบควรแสดงความรู้สึก
เป็นห่วงที่เห็นเด็กเล่นเกมบ่อย แสดงความเห็นใจว่าเด็กไม่สามารถตัดขาดจากเกมได้ ช่วยกันคิดและตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าจะแก้ไขอย่างไร
หากในบ้านยังไม่มีกฎกติกาในการเล่นเกม จำเป็นต้องพูดคุยให้เด็กมีส่วนร่วมในการกำหนดเวลาการเล่นที่ชัดเจนว่าเล่นได้ในวันไหน เมื่อไร กี่ชั่วโมง
แล้วค่อยปรับลดลงจนเหมาะสม ถ้าเด็กทำตามไม่ได้ จะให้พ่อแม่ช่วยเขาอย่างไร
เมื่อเด็กควบคุมการเล่นเกมได้ดีขึ้น ควรชมเด็ก และให้กำลังใจต่อไป
พ่อแม่ควรมีเวลาอยู่กับเด็กให้มากขึ้น อาจจะพาไปทำกิจกรรมอื่นที่สนุกสนานและที่เด็กชอบ (ยกเว้นเล่นเกม) ในเวลาว่าง เช่น เล่นดนตรี กีฬา งานศิลปะ
ปลูกต้นไม้ เป็นต้น
ฝึกให้เด็กรู้จักแบ่งเวลา รู้จักควบคุมตัวเอง
จำกัดเงินไม่ให้เงินเด็กใช้มากเกินไป
ผู้ปกครองควรร่วมมือในการแก้ไขปัญหาโดยใช้กฎกติกาเดียวกัน ไม่ปล่อยให้เป็นภาระหรือความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่ง และที่สำคัญไม่ขัดแย้งกันเอง
ไม่ท้อแท้ต่อปัญหา ต้องอดทนใช้เวลาอย่างต่อเนื่อง
สร้างความอบอุ่น ความเข้าใจภายในบ้าน ทำให้บ้านมีความสุข ไม่เครียด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น